ปาทริซ เอฟร่า ไม่ทันได้เตรียมใจรับชัยชนะในศึกนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เขาก็ยอมรับว่า เขาหวังจะให้มันกลายเป็นความจริงให้ได้ เมื่อเกมดำเนินมาถึงการดวลจุดโทษสุดระทึก
เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พลาดลูกจุดโทษ และทำให้ทีมสิงโตน้ำเงินครามถือไพ่เหนือกว่า เอฟร่า กลัวว่า เขาจะต้องพบกับประสบการณ์ซ้ำรอย เหมือนกับที่เขาเล่นให้กับโมนาโก และแพ้ให้กับเอฟซี ปอร์โต้ ในรอบชิงชนะเลิศ ปี 2004
ด้วยแรงผลักดันจากประสบการณ์ความพ่ายแพ้ครั้งก่อน กองหลังปีศาจแดงผู้นี้จึงมั่นใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะลบรอยช้ำในใจเขาได้ แต่จนถึงตอนนี้ ทั้งที่กำเหรียญรางวัลอยู่ในมือ เขาก็ยังไม่อาจเชื่อว่า เขาชนะแล้วจริงๆ
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะเป็นแชมป์” เอฟร่ากล่าวกับ MUTV ด้วยความปลื้มปีติ “ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าเราจะต้องชนะ แต่ก็ยังกลัวอยู่บ้างตอนที่รอนนี่เตะลูกโทษพลาด”
“ประสบการณ์กับโมนาโก ช่วยผมได้มาก ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะแพ้ในนัดชิงเป็นครั้งที่สองไม่ได้แล้ว ถ้าเราแพ้ ผมจะบอกผู้จัดการทีมว่า ผมไม่ขอลงเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก คราวหน้า การแพ้ในนัดชิงตั้งสองครั้ง มันคงทำใจยาก”
โชคดีที่ เอฟร่า ไม่ต้องพูดประโยคนั้นกับผู้จัดการทีม และเขาได้กล่าวว่า การที่ทีมเอาชนะมาได้นั้น ก็เพราะความทุ่มเทของผู้จัดการทีมที่มีให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มามากกว่า 20 ปี
“ผมดีใจมาก บรรยากาศในห้องแต่งตัวมันยอดเยี่ยมที่สุด และมันก็เป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะการที่เขาทำงานหนักเพื่อทีมมาตลอด เขาสมควรได้รับมันแล้ว” เอฟร่า กล่าว
“มันแทบไม่น่าเชื่อเลย แต่ผมก็คิดว่าเราเหมาะสมที่จะได้รับมันแล้ว เรามีทีมที่เก่งกาจ เรามีพรสวรรค์ และมีความเชื่อมั่นในทีมของเรา”
เขาคว้าทั้งถ้วย พรีเมียร์ ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากเข้าร่วมทีมในสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพียง 2 ฤดูกาลเต็มๆ และในตอนนี้ เอฟร่า มีอีกสองเป้าหมาย นั่นคือการต่อสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ค และช่วยคว้าชัยให้กับฝรั่งเศสในหน้าร้อนนี้
จากบทสัมภาษณ์ของ ปาทริซ ในหนังสือพิมพ์ เดลี่ เมล์ และ เดลี่ เทเลกราฟ ดังนี้
“การเจรจาเรื่องการต่อสัญญาของผมต้องเลื่อนออกไปอีกหน่อย เราจะเปิดเจรจาอีกครั้งในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ แต่ทางสโมสรก็ได้ตัดสินใจกันไปแล้ว พวกเขารู้อยู่แล้วว่าผลเป็นยังไง เราก็เลยได้แต่รอฟังคำตัดสินของพวกเขา ก็มีหลายๆ สโมสรที่สนใจผมอยู่เหมือนกัน”
สำหรับการได้ร่วมเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส ในศึก ยูโร 2008 เอฟร่ากล่าวว่า
“ผมไม่หวังว่าเขาจะให้ผมได้นั่งเก้าอี้ตัวจริง เพียงเพราะผมได้แชมป์ (สโมสร) ยุโรปหรอก”
“ผมมาจุดนี้พร้อมกับความมั่นใจที่มากขึ้น และผมก็พร้อมจะแสดงให้เห็น แต่ผมก็ยังไม่คิดว่าผมเป็นผู้เล่นระดับสากลหรอกนะ ผมลงเล่นในทีมชาติได้ไม่ถึง 10 นัดด้วยซ้ำ ผมลงเล่นได้แค่ 9 นัด ผู้เล่นระดับสากลต้องมีประสบการณ์ในเกมที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติต่างหาก”
Opal