เอฟซี มิดทิลลันด์ 2 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รีพอร์ต

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจำเป็นต้องพลิกสถานการณ์กลับมาจากความพ่ายแพ่ในเลกแรกแบบสุดช็อคต่อเอฟซี มิดทิลลันด์ สำหรับการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกยูโรปา ลีก หลังจากพลาดท่าแพ้ไป 1-2 ที่สนามเอ็มซีเอช อารีน่า

เมมฟิส เดปาย ยิงประตูขึ้นนำในนาทีที่ 38 จากการครอสมาให้ของ เจสซี่ ลินการ์ด แต่ประตูดังกล่าวก็ถูกตามตีเสมออย่างรวดเร็วโดย ปิโอน ซิสโต้ ที่ยิงแฉลบเข้าไปก่อนจบครึ่งแรก ยูไนเต็ดดูเหมือนจะทำประตูขึ้นนำอีกครั้งได้ในครึ่งหลัง แต่สุดท้ายก็เป็น พอล โอนัวชู ที่มายิงให้เจ้าถิ่นกุมความได้เปรียบจากเกมแรก

ก่อนเกม หลุยส์ ฟาน กัล ปรับทัพ 4 ตำแหน่งจากเกมบุกแพ้ซันเดอร์แลนด์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่งเอากองหลังหนุ่มอย่าง โดนัลด์ เลิฟ ลงเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวา ขณะที่ แพ็ดดี้ แม็คแนร์, อันเดร์ เอร์เรร่า และเมมฟิสก็มีชื่อใน 11 คนแรก แต่สุดท้ายก็ต้องปรับเปลี่ยนผู้เล่นคนที่ 5 ก่อนคิกออฟจนได้ เมื่อ ดาบิด เด เคอา ได้รับบาดเจ็บระหว่างวอร์มอัพ ทำให้ เซร์คิโอ โรเมโร่ ได้โอกาสเฝ้าเสาแทน

ช่วงต้นเกม โอกาสแรกตกเป็นของเมมฟิสในนาทีที่ 8 ปีกรายนี้ได้ยิงจากระยะใกล้ และก็แฉลบหลุดกรอบออกไป โดยเป็นการขึ้นเกมมาจากทางลินการ์ด ทีมปีศาจแดงเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากลูกเซ็ตพีซ ฮวน มาต้า หาพื้นที่ว่างได้ทางเสาใกล้ แต่ลูกยิงของเขาก็ไปติดเซฟ มิกเกล อันเดอร์เซ่น

มิดทิลลันด์ได้โอกาสบุกบ้างจากจังหวะเตะมุมในอีก 3 นาทีถัดมา ลูกโขกของ คิอัน ฮันเซ่น บังคับให้โรเมโร่ต้องโชว์ลูกเซฟ กลายเป็นว่าช่วงนี้ทั้ง 2 ทีมต่างก็เปิดเกมบุกเข้าใส่กันด้วยลูกนิ่ง และโอกาสลุ้นประตูครั้งถัดไปก็มาจากลูกเตะมุม คริส สมอลลิ่ง สลัดหนีตัวประกบเข้าถึงลูกครอสจากมาต้า แต่ลูกโหม่งชงย้อนทางของเขาก็ผ่านหน้าปากประตูไปโดยที่ไม่มีใครเข้าถึง ก่อนถูกเตะสกัดทิ้งไป

โอกาสครั้งต่อมาเกิดขึ้นในขณะที่ครึ่งแรกเหลืออีก 10 นาที ลูกฟรีคิกของเมมฟิสไปติดเซฟอันเดอร์เซ่น ทำให้เจ้าถิ่นได้จังหวะสวนกลับเร็ว วาชลาฟ คาดเลช ได้หลุดเดี่ยว แต่กลับยิงไปติดโรเมโร่ที่ยืนบล็อคในกรอบเขตโทษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่เพียงแค่ 56 วินาทีต่อมา ทีมปีศาจแดงก็ได้ประตูขึ้นนำ ลินการ์ดพาบอลลุยขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนที่จะครอสให้เมมฟิสยิงเข้าไปเป็นประตูที่ 6 ของเขาในฤดูกาลนี้ ท่ามกลางความดีใจของแฟนๆ ทีมเยือน ลูกทีมของฟาน กัลน่าจะเป็นฝ่ายขึ้นนำหลังจบครึ่งแรก แต่ก็กลับมาถูกยิงตีเสมอ ซิสโต้ตัดบอลจากการจ่ายของ ไมเคิล คาร์ริค ก่อนที่จะลากไปยิงแฉลบสมอลลิ่งผ่านมือโรเมโร่เสียบมุมประตูเข้าไป

ครึ่งหลังทีมปีศาจแดงได้โอกาสลุ้นก่อน ความคล่องของ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ทำให้ลินการ์ดได้โอกาสยิงประตู แต่ปีกวัย 20 ปีก็ยิงข้ามคานออกไป จากนั้นมาต้าก็ได้ลุ้นเช่นกันในนาทีที่ 52 หลังจากได้พื้นที่ในกรอบเขตโทษ แต่เขาก็โขกลูกครอสจากเมมฟิสหลุดกรอบออกไป ทีมปีศาจแดงใกล้เคียงกับการได้ประตูที่ 2 อีกครั้ง คราวนี้ลินการ์ดได้ซัดแฉลบคานออกไปจากการจ่ายมาให้ของเอร์เรร่า

ขณะที่กรอบประตูช่วยเซฟมิดทิลลันด์เอาไว้ ทางด้านทีมเยือนก็ได้โรเมโร่ช่วยเซฟไว้อีกครั้ง จากการบุกที่เกิดขึ้นแบบนานๆ ครั้งของเจ้าถิ่น โอนัวชูขึ้นโขกได้จากลูกครอส แต่ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนตินาก็ยังพุ่งปัดเอาไว้ได้หวุดหวิด

มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน และ อันเดรียส เปเรร่า ถูกส่งลงมาในช่วงท้ายเกม แต่กลายเป็นว่าทีมปีศาจแดงมาโดนยิงประตูในขณะที่เหลือเวลาแข่งขันอีก 13 นาที ตัวสำรองอย่างโอนัวชูได้บอลที่้บริเวณกรอบเขตโทษ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจซัดเสียบมุมประตูเข้าไป

คาร์ริคที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน เวย์น รูนี่ย์ ที่ไม่ได้เดินทางมาด้วยได้โอกาสสุดท้ายของเกมนี้ แต่ลูกโขกของเขาก็ข้ามคานออกไป ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องพบกับความพ่ายแพ้จากทริปเยือนเดนมาร์กครั้งนี้

สถิติ


Related Posts